เรื่องอาหารการกินถือเป็นเรื่องเล็กๆที่มันอาจเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ได้ อย่างเช่นบางประเทศที่ออกกฎหมายแปลกๆห้ามนำเข้าอาหารชนิดต่างๆ ที่หลายประเทศเขากินกันเป็นอาจิณ พาให้เรางงไปเลยเวลาไปเที่ยวประเทศนั้นๆ

เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้ทุกคน เราจะพาไปชม 10 ประเภทอาหารแสนธรรมดาที่เรากินกันอยู่ทุกวัน แต่ถูกบางประเทศแบน ห้ามผลิต ห้ามขายและห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาด ด้วยเหตุผลที่พอฟังขึ้นอยู่ไม่น้อย แล้วคุณจะประหลาดใจมากว่า ของพวกนี้มันอันตรายต่อความมั่นคงบางประเทศด้วยเหรอ?
10.) เนื้อไก่
ตามประเทศแถบยุโรปและเกรท บริเตน มีประกาศห้ามซื้อขายเนื้อไก่ที่มีส่วนผสมของคลอรีนมาตั้งแต่ปี 1997 เพราะคลอรีนใช้เพื่อจำแนกเชื้อโรคชนิด Salmonella และป้องกันการติดเชื้อของแบคทีเรีย เพราะงี้หลายคนเลยชอบผสมคลอรีนลงในเนื้อไก่ แต่หลังจากมีการค้นพบว่า วิธีนี้ไม่เวิร์กและส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก จึงเป็นที่มาของกฎข้อห้ามนี้ ต่อมาในปี 2010 รัสเซียก็ได้บังคับใช้กฎหมายนี้เช่นกัน

9.) ซีเรียลแบบแท่ง
เดินไปตามเซเว่นหลายคนน่าจะเห็นว่า เดี๋ยวนี้ซีเรียลช็อกโกแลตยี่ห้อดังเริ่มทำเป็นรูปแท่งกินสะดวกมากขึ้น ในขณะที่หลากหลายประเทศมองว่ามันเป็นอาหารให้พลังงานที่ดีมาก อุดมไปด้วยธัญพืชและวิตามิน แต่กับที่เดนมาร์กไม่ใช่ ทางสัตวแพทย์และการบริหารอาหารของเดนมาร์ก มองว่าซีเรียลแบบแท่งมีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจส่งผลเสียต่อตับและไตในเด็กได้หากกินบ่อยๆ

8.) ซีอิ๊วขาว
กว่า 82% ของถั่วเหลืองที่โตเต็มที่ ล้วนถูกดัดแปลงทางพันธุกรรมมาก่อนแล้ว แม้ว่ายังไม่มีผลการวิจัยออกมาแบบ 100% ว่าผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอนั้นส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่กับประเทศแถบยุโรปบางแห่ง เช่นรัสเซีย ประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย เขาไม่รอผลการวิจัยนั้น เขาจัดการแบนผลิตภัณฑ์จีเอ็มโอทุกชนิดเลย นั่นรวมไปถึงซีอิ๊วขาวใช้เหยาะหรือจิ้มด้วย

7.) เนื้อ
ส่วนใหญ่เนื้อจากปศุสัตว์ เช่นเนื้อหมูหรือไก่งวงนั้น มักจะมีสารแรคโตพามีน หรือสารเร่งเนื้อแดงเป็นส่วนผสม สารนี้จะช่วยให้สัตว์โตไวทันกินมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเนื้อที่มีสารจำพวกนี้ อาจเป็นผลเสียแก่ร่างกาย จนนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ด้วยเหตุนี้เนื้อที่มีสารเร่งเนื้อแดง จึงถูกแบนไปแล้วกว่า 160 ประเทศ ประกอบด้วยประเทศแถบยุโรป จีน และรัสเซีย

6.) มันฝรั่งทอด
มันฝรั่งทอดส่วนใหญ่มักมีส่วนผสมของโอเลสตรา ซึ่งเป็นไขมันเทียมชนิดหนึ่ง สังเคราะห์มาจากน้ำตาลซูโครสและกรดไขมัน และเหมือนเดิม ด้วยความที่เล็งเห็นเรื่องนี้ ประเทศแคนาดาและยุโรปจึงพร้อมใจกันแบนมันฝรั่งทอดแสนอร่อยนี้กันอย่างพร้อมเพรียง เพราะพวกเขามองว่าการใช้โอเลสตรา มันไปขัดขวางการทำงานของร่างกาย ไม่ให้ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกาย จนอาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องกระเพาะได้

5.) แอปเปิ้ล
หลังจากกรมวิชาการเกษตรของสหรัฐอเมริกาเข้าตรวจสอบ พวกเขาพบว่ากว่า 80% ของแอปเปิ้ลที่ตรวจค้น มีส่วนผสมของสาร diphenylamine ซึ่งช่วยให้ผลแอปเปิ้ลดูสดนานขึ้นกว่าปกติ เพื่อที่จะได้ส่งออกไปทั่วโลกถึงมือคุณโดยยังคงความสดเอาไว้ ในประเทศแถบยุโรป พวกเขาถือว่าสารประเภทนี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ที่อาจเป็นสารก่อมะเร็งได้ เพราะงั้นยุโรปจึงประกาศแบนแอปเปิ้ลมาตั้งแต่ปี 2012

4.) ขนมเยลลี่เจลาติน
อันนี้หลายคนคงไม่สงสัยอะไรมาก โดยประเทศแถบยุโรป (อีกแล้วเหรอ?) มองว่าขนมเยลลี่เจลาตินเป็นอันตรายอย่างยิ่งยวดต่อเด็กเล็ก เพราะมันเป็นวัตถุที่สามารถติดคอเด็กได้ อีกทั้งขนมชนิดนี้มีส่วนผสมของบุก พืชชนิดหนึ่งที่เมื่อเจอกับความชื้นแล้วมันจะบวมโต ยิ่งพอเวลามันไหลไปติดคอเด็ก บุกพวกนี้ก็จะขยายตัวในคอจนทำให้เด็กๆหายใจไม่ออกและเสียชีวิต แถมเป็นการยากที่จะใช้ไฮม์ลิค แมนูเวอร์ (การกดกระแทกที่ท้องเพื่อเอาสิ่งกีดขวางในลำคอออก) ช่วยเหลืออีกด้วย ทั้งหมดนี้เลยทำให้ขนมดังกล่าวถูกแบนในประเทศแถบยุโรป ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆอีกมากมาย

3.) ขนมปัง
ออสเตรเลียและประเทศแถบยุโรปบางแห่ง มีประกาศแบนขนมปังหลังจากพบว่าภายในมีการผสมสาร azodicarbonamide ที่เอาไว้ใช้ทำให้แป้งคงความขาวและสดใหม่ยาวนาน ซึ่งมันอาจทำให้เกิดอาการแพ้ และเป็นหอบหืดได้

2.) มันบดสำเร็จรูป
แน่นอนว่าปะหน้าด้วยคำว่า "สำเร็จรูป" มันต้องเต็มไปด้วยสารปรุงแต่งอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ butylhydroxyanisole โดยทางสถาบันสุขภาพแห่งชาติ ได้ดำเนินการวิจัยสารพัดถึงเรื่องนี้ จนได้ข้อสรุปคร่าวๆว่าสารกันบูดประเภทนี้ ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย และสารดังกล่าวมักพบในสินค้าประเภทอาหารแช่แข็ง ซุปสำเร็จรูปและมายองเนส ทำให้ประเทศญี่ปุ่นประกาศแบนมันบดเสียสิ้น!

1.) มาการีน
หลายคนน่าจะพอเดาได้ว่าทำไมถึงถูกแบน เพราะมันมีส่วนผสมของไขมันทรานส์ที่ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญในร่างกาย ความดันเลือดสูง และนำไปสู่โรคหัวใจและหลอดเลือด และเปอร์เซ็นต์ของไขมันทรานส์ที่พบในมาการีน ดันสูงกว่าใครเพื่อน คิดเป็น 15% ของน้ำหนักสินค้าเลยทีเดียว ทำให้ประเทศเดนมาร์ก แคนาดาและสวิตเซอร์แลนด์ แบนมันซะเหี้ยนเลย!

ขอบคุณข้อมูลจาก: Brightside